‘RE 1O0 Thailand Club’ ลุยขับเคลื่อนพลังงานสะอาด ภายในปี 2050
กลุ่ม ‘RE 1O0 Thailand Club’ ร่วมขับเคลื่อนแผนพลังงานชาติไปสู่เป้าหมาย “Carbon Neutrality” ลั่น จะลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เมืองไทยอากาศบริสุทธิ์ภายในปี 2050
กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะผู้ก่อตั้ง “RE 100 Thailand Club” มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน โดยมีสมาชิกจาก 19 องค์กร ร่วมก่อตั้ง ได้แก่ สอวช., วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี, มหาวิทยาลัยนเรศวร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, วิทยาลัยพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนรัตนโกสินทร์, มหาวิทยาสัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, บมจ.ซุปเปอร์เอนเนอร์ยื่ คอร์เปอเรชั่น, บมจ.ปตท., บมจ.พลังงานบริสุทธิ์, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, บจ.โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย), บจ.กลุ่มเซ็นทรัล, บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น, บมจ.เซ็นทรัสพัฒนา, บมจ.โรงแรมเซ็นทรัสพลาซา, บจ.เด็นโซ่ (ประเทศไทย), บจ.อัลฟ่าคอม สภาสถาปนิก, บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี Bank of China และ กฟผ. ได้จัดงานประชุม และสัมมนา “RE100 Thailand Club ร่วมขับเคลื่อนแผนพลังงานชาติไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality” ณ ห้องสุรศักดิ์ 1 ชั้น 11 โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร โดยได้รับเกียรติจากคุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาฯ และปาฐกถาพิเศษ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (25 พ.ย.64)
โดย คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมตระหนักรู้ถึงความสำคัญของความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปี 2564 และที่ผ่านมาได้ดำเนินการหลายอย่าง เพื่อรองรับสถานการณ์ดังล่าว และส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และสมาชิกของ ส.อ.ท. ให้ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การแต่งตั้งคณะทำงนส่งเสริมและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ กับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ตลอดจนการจัดตั้งคณะทำงานย่อยการจัดทำข้อมูลการใช้พลังงาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม (Big Data Climate Change) และการลงนามบันทึกข้อตกลงความความร่วมมือพัฒนาแพลตฟอร์ม สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย (Thailand Carbon Credit Exchange Platform) ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เป็นต้น
ด้าน คุณวีระเดช เตชะไพบูลย์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท. และประธาน RE100 Thailand Club กล่าวว่า RE 100 Thailand Club ได้กำหนดวิสัยทัศน์ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคอุปสงค์ และอุปทานของพลังงานหมุนเวียน และคาร์บอนเครดิต ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน 100% ในระดับองค์กร อีกทั้งส่งเสริมให้พลังงานหมุนเวียน (RE) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (EE) เป็นเครื่องมือหลักในการ Decarbonization ผ่านการดำเนินงานของภาครัฐในด้าน Deregulation ,Decentralization และ Digitalization ที่จะมุ่งไปสู่การแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และรักษาระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ซึ่งมีพันธกิจ : เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ในรูปแบบสมัครใจในระดับองค์กร โดยมีเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน และความเป็นกลางทางคาร์บอน ดังนี้
เป้าหมาย RE 100 ในระดับองค์กร ภาคสมัครใจ ใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างน้อย 25% ภายในปี ค.ศ. 2025 เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระดับองค์กร – Carbon Neutrality ภาคสมัครใจ อย่างน้อย 25% ภายในปี ค.ศ. 2030 และในปี ค.ศ.2050 เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระดับองค์กร – Carbon Neutrality ภาคสมัครใจ จะถึง 100%
ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าวของ RE100 Thailand Club ได้สอดคล้องกับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของประเทศไทย ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกลว์ ประเทศสก๊อตแลนด์ซึ่งในปัจจุบัน RE 100 Thailand Club มีสมาชิกประมาณ 500 บริษัท รวมบริษัทในเครือของสมาชิก ซึ่งบริษัทสมาชิกร่วมก่อตั้ง เช่น บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ.2035 บริษัทเด็นโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน (RE 100) ในสัดส่วน 100% ภายในปี ค.ศ.2025 และกำหนดหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ.2035 และ กฟผ. มีนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050
นอกจากนี้ ทาง คุณสุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท. และที่บรึกษา RE100 Thailand Club ยังได้กล่าวถึงความเป็นมาของสถาบันบริหารจัดการการซื้อขายคาร์บอนเครดิต รวมถึงคุณทวี จงควินิต เลขาธิการ RE100 Thailand Club ยังได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของกลุ่ม RE100 และ Carbon Neutrality อีกด้วย /////
#พรอรัญ สุวรรณพราย บจก.ไมโครไบโอเทค
#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย