ดีแทคโชว์ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งในปี 2564
ดีแทคโชว์ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งในปี 2564 จากการเร่งขยายเครือข่าย การเติบโตของลูกค้าเพิ่มขึ้น และแผนการยกระดับโครงสร้างการดำเนินงานที่สร้างความแตกต่าง
28 มกราคม 2565 – บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค รายงานผลประกอบการปี 2564 มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ยากลำบาก และการแข่งขันที่รุนแรง ในปี 2565 ดีแทคมุ่งหน้าพัฒนาเครือข่ายเพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการยกระดับโครงสร้างการดำเนินงานเพื่อสร้างความแตกต่างในยุคดิจิทัล ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานและการเงินของบริษัท
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนลูกค้าอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส ในปี 2564 จำนวนผู้ใช้บริการเติบโตเพิ่มขึ้น 704,000 ราย เรายินดีที่ได้เห็นประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่เราทุ่มเทความพยายามในการเร่งขยายเครือข่าย โดยบรรลุเป้าหมายสิ้นปี ครอบคลุมการใช้งานของประชากรร้อยละ 93 และสถานีฐานมากกว่า 12,700 แห่งบนคลื่น 700 MHz ด้วยเหตุนี้ เราพบว่าการใช้งาน 4G เป็นเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น 4.8 จุด จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกับการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้ต่อเลขหมาย เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้ใช้งานคลื่น 700 MHz กับผู้ที่ไม่ใช้งานคลื่น 700 MHz นอกจากนี้ คะแนนความพึงพอใจของเครือข่ายทั้งปียังเพิ่มขึ้น 23 จุด โดยมีการร้องเรียนที่เป็นจากปัจจัยทางด้านเครือข่ายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ความมุ่งมั่นของเราที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและรับฟังเสียงของลูกค้า ทำให้เราสามารถนำเสนอบริการต่าง ๆ ที่ได้ปรับให้มีความเหมาะสมกับลูกค้ามากขึ้น ตลอดจนนำเสนอบริการเสริมต่าง ๆ (Adjacent services) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าของเรา ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของช่องทางต่าง ๆ ที่เราใช้ในการติดต่อกับลูกค้าและผู้ค้าปลีก เป็นผลให้ผู้ใช้งานดิจิทัลของเราเติบโตขึ้นเป็น 6.7 ล้านคน ณ สิ้นปี 2564 โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 20 จากปีก่อน
ดีแทคได้ร่วมมือกับพันธมิตร 5G IoT เพื่อนำหลากหลายนวัตกรรมโซลูชันช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กลุ่มธุรกิจองค์กรขนาดเล็ก ทำให้จำนวนลูกค้ากลุ่มธุรกิจและรายได้เติบโตขึ้นจากปีก่อน เรายังนำเสนอบริการเสริมที่ช่วยตอบสนองความต้องการในยุคปัจจุบันของลูกค้าเช่น แพลตฟอร์มประกันภัยออนไลน์ที่รวบรวมประกันภัยมาให้ลูกค้าได้อย่างตรงใจ และข้อเสนอที่ดึงดูดใจในการเล่นเกมออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้รายได้ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค และจำนวนผู้ใช้งานนั้นดียิ่งขึ้น ขณะที่การยกระดับประสิทธิภาพผ่านการปรับปรุงโครงสร้างการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืนในด้านการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในปีนี้ โดยเราจะยังคงมุ่งยกระดับประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน และความพยายามในการริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง”
ณ สิ้นไตรมาสที่ 4/64 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 19.6 ล้านราย เพิ่มขึ้น 286,000 รายจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นมากกว่า 700,000 รายจากสิ้นปีก่อน รายได้ค่าบริการไม่รวม IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 0.6 จากปีก่อน EBITDA สำหรับไตรมาส 4/64 มีมูลค่า 7,004 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.9 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จากปีก่อน EBITDA margin (normalized) อยู่ที่ร้อยละ 38.9 ในไตรมาสที่ 4/64 กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4/64 คิดเป็น 171 ล้านบาท
นายนกุล เซห์กัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “เราเห็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของสภาวะเศรษฐกิจมหภาคในช่วงปลายปี เนื่องจากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ขณะที่การทำตลาดในภูมิภาคส่งผลให้จำนวนลูกค้าสุทธิเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของไตรมาสที่ 4 ได้รับผลกระทบจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์เพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากการคืนพื้นที่เช่าบางส่วนบนเสาสัญญาณซึ่งคาดว่าจะให้ผลประโยชน์เชิงกระแสเงินสดในอนาคต ทั้งนี้ ในไตรมาสที่สี่ EBITDA ลดลงร้อยละ 5.9 เนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาลของค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด อย่างไรก็ตาม EBITDA ทั้งปียังคงทรงตัวจากการจัดการต้นทุนที่แข็งแกร่ง อัตรากำไร EBITDA (Normalized) ยังคงอยู่ที่ระดับที่ดีที่ร้อยละ 38.9”
สำหรับปี 2565 ดีแทคคาดการณ์แนวโน้มรายได้จากการให้บริการและ EBITDA จะออกมาคงที่จนถึงเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ และมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ 1.2 -1.4 หมื่นล้านบาท
ตัวเลขสำคัญทางการเงิน ณ สิ้นปี 2564 (หลัง TFRS 15 และ 16)
• รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC 5.78 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน
• EBITDA อยู่ที่ 2.99 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.7 จากปีก่อน
• อัตรากำไร EBITDA (normalized) อยู่ที่ร้อยละ 44.6
• กำไรสุทธิ 3,356 ล้านบาท