“ศิริราช” นำร่องหนุนปรับปรุงระบบระบายอากาศในห้องเรียน
“ศิริราช” นำร่องหนุนปรับปรุงระบบระบายอากาศในห้องเรียนเพื่อลดเสี่ยงการแพร่เชื้อ Covid-19 และฝุ่น PM 2.5
Covid-19 เป็นโรคในระบบทางเดินหายใจที่มีการแพร่กระจายทางอากาศ (Covid is airborne.) โดยเชื้อไวรัส สามารถออกมาจากลมหายใจของผู้ติดเชื้อและแพร่ไปกับละอองขนาดจิ๋วที่ลอยลมได้ เช่นเดียวกับ PM2.5 และคุณภาพของการระบายอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการแพร่เชื้อหากมีผู้ติดเชื้ออยู่ในสถานที่นั้นๆ โรงพยาบาลศิริราช จึงเห็นความสำคัญของการปรับปรุงระบบระบายอากาศในห้องเรียนเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโควิด-19 และโรคในระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ที่แพร่ทางอากาศ และช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 รวมถึงมลพิษทางอากาศที่เด็กนักเรียนจะสูดหายใจเข้าไปด้วยพร้อมๆ กัน
การปรับปรุงระบบระบายอากาศ โครงการ “ห้องเรียนอากาศสะอาด” ได้มีการดำเนินงานแล้วสำหรับโรงเรียนรอบๆ โรงพยาบาลศิริราช ได้แก่โรงเรียนวัดอมรินทราราม โรงเรียนสตรีวัดระฆัง และสำรวจห้องเรียนเปิดหน้าต่างของโรงเรียนโฆสิตสโมสรเสร็จทันก่อนการเปิดภาคเรียนพอดี นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงระบบระบายอากาศของห้องปฏิบัติธรรม วัดระฆังโฆสิตารามด้วยเช่นกัน
รศ. นพ. นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า วิธีหนึ่งที่จะควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาดได้อย่างยั่งยืนคือการลดการกระจายเชื้อในชุมชน โดยเฉพาะในอาคารสถานที่ปิด และควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับกลุ่มเด็กและเยาวชนเนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพและพัฒนาการได้มาก
“จากการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ในโครงการห้องเรียนอากาศสะอาด เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศในห้องเรียนดีขึ้น ลดโอกาสกระจายเชื้อโรคทางระบบทางเดินหายใจ รวมถึง PM2.5 ซึ่งมีผลในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะกับเด็กในวัยเรียนที่จะทำให้สมรรถภาพปอดของเด็กเติบโตได้ไม่เต็มที่ และจะมีผลเสียระยะยาว นี่เป็นโครงการทดลอง เราริเริ่มเท่าที่จะทำได้ ทำให้เห็นผลในขั้นต้นและเกิดเป็นต้นแบบให้ประยุกต์ใช้ในที่ที่มีระบบอากาศแบบปิด ซึ่งในไทยยังให้ความสนใจกันน้อย”
ผศ. ดร.เอกบดินทร์ วินิจกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) วิศวกรที่ปรึกษาโครงการ กล่าวถึงสภาพแวดล้อมทางอากาศบริเวณรอบๆ โรงพยาบาลศิริราช ว่า อยู่ในพื้นที่การจราจรค่อนข้างติดขัด มลพิษจากการจราจรค่อนข้างสูง แต่ในบางพื้นที่อาจจะมีลมพัดแรงเนื่องจากอยู่ใกล้แม่น้ำทำให้เกิดการกระจายตัวของมลพิษได้ดีในช่วงที่มีลมพัด
การปรับปรุงระบบระบายอากาศในโครงการนี้ มีทั้งแบบติดตั้งเครื่องเติมอากาศ และการติดตั้งพัดลมดูดอากาศในห้องปรับอากาศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนอากาศสะอาด ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมจากลมหายใจออกของคนในห้อง และเจือจางเชื้อโรคหากมีคนติดเชื้ออยู่ในห้อง จึงลดโอกาสในการแพร่เชื้อ
ส่วนห้องปรับอากาศที่ไม่สามารถติดตั้งพัดลมดูดอากาศจะได้รับคำแนะนำให้เปิดหน้าต่างเพื่อช่วยระบายอากาศเป็นเวลา 3-5 นาทีทุกๆ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ เครื่องเติมอากาศจะดึงอากาศจากภายนอกเข้าไปในห้องโดยผ่านไส้กรอง 2 ชั้นรวมถึงแผ่นกรองประสิทธิภาพสูง (HEPA filters) ซึ่งจะกรองฝุ่นและละอองลอยออกไปจากอากาศใหม่ที่จะเข้ามาในห้อง ผลของการเติมอากาศสะอาด ทำให้สัดส่วนละอองลอยที่อาจมีเชื้อไวรัสในห้องเรียน ถูกเจือจางลง อย่างไรก็ตาม นักเรียน ครู และบุคลากรยังได้รับคำแนะนำให้สวมใส่หน้ากากให้มิดชิดตลอดเวลา
นายธนะศักดิ์ พึ่งฮั้ว วิศวกรที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ระบบระบายอากาศที่ติดตั้งแล้วนี้อาจจะไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุดแต่เป็นระบบที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละห้องเมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะโครงสร้างอาคาร พื้นที่และกิจกรรมหรือลักษณะการใช้งานของห้อง รวมถึงสภาพของเครื่องปรับอากาศที่มีอยู่เดิม ว่าสามารถรับภาระที่เพิ่มขึ้นได้หรือไม่” ทั้งนี้โครงการนี้มีจุดประสงค์ 3 ประเด็นหลักคือ 1. ลดการสะสมของละอองลอยที่อาจมีเชื้อไวรัส 2.เป็นห้องเรียนปลอดฝุ่น และ 3. ลดการสะสมของปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะส่งผลให้ให้นักเรียนได้รับอากาศที่มีปริมาณอ๊อกซิเจนเหมือนอากาศตามธรรมชาติภายนอกห้องเรียน
ผศ. ดร.ประพัทธ์ พงษ์เกียรติกุล หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ทุกครั้งที่เราเติมอากาศเข้าไปในห้องปิด เรากำลังเติมอากาศใหม่ที่สะอาดกว่าจากภายนอก ทำให้เด็กได้รับออกซิเจนเข้าไปมากขึ้น ง่วงน้อยลง เนื่องจากในภาวะที่มีการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ (เกิดจากการหายใจออกของคนภายในห้องและมีการระบายอากาศที่ไม่ดี) เด็กจะง่วงนอน
นางภารดี ผางสง่า ผอ. โรงเรียนวัดอมรินทราราม กล่าวว่า ก่อนโควิด เราเคยมีโครงการเรื่องฝุ่น PM2.5 มีบริษัทเอกชนติดตั้งเครื่องวัดค่าฝุ่น เชื่อมกับแอป ถ้าค่าฝุ่นเกินมาตรฐานจะมีการเปิดสปริงเกอร์ (เครื่องพ่นละอองน้ำ) รอบๆ โรงเรียน และเรารณรงค์ให้เด็กใส่หน้ากากตั้งแต่ก่อนมีโควิด แต่ช่วงโควิด ไม่มีการเรียนการสอนที่โรงเรียน โครงการ PM2.5 จึงพับไป จนกระทั่งได้เร่งศึกษาและดำเนินการโครงการนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ด้าน นายเกียรติเกรียงไกร บุญทน รองผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดระฆัง กล่าวว่า ตามทฤษฎีและประสบการณ์ที่ผ่านมา หากมีนักเรียนที่ป่วยจามในห้องปรับอากาศ มีโอกาสสูงที่ครูและเพื่อนนักเรียนจะป่วยตามไปด้วยเป็นจำนวนมาก การที่เติมอากาศใหม่เข้าไปเจือจางละอองเชื้อย่อมลดโอกาสในการแพร่เชื้อลงไปด้วย ซึ่งทางโรงเรียนจะติดตามสังเกตความเปลี่ยนแปลงของอัตราการป่วยของนักเรียนและบุคลากรที่มีการติดต่อระหว่างกัน รวมถึงรอประเมินสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งปกติจะประสบปัญหาฝุ่นฟุ้งมาก โดยความเปลี่ยนแปลงของอัตราการแพร่เชื้อโรคทางระบบทางเดินหายใจในขณะนี้เรายังมองไม่เห็น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเพิ่งเปิดเรียนเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์มาไม่นาน ในช่วง 2 สัปดาห์แรกเรายังแบ่งกลุ่มให้นักเรียนสลับวันมาเรียน ตอนนี้เพิ่งเริ่มปรับจำนวนนักเรียนจากห้องละ 25 คนเป็น 45 คน แต่ในแง่ความรู้สึก รู้สึกได้ว่าอากาศในห้องเรียนฟูขึ้น ไม่อับ .