“อลงกรณ์” เชิญอธิบดีกรมวิชาการชี้แจงฟรุ้ทบอร์ด วันพฤหัสบดีนี้ หลังทราบข่าว ”ชลธี” ถูกโยกย้าย
“อลงกรณ์” เชิญอธิบดีกรมวิชาการชี้แจงฟรุ้ทบอร์ด วันพฤหัสบดีนี้ หลังทราบข่าว ”ชลธี” ถูกโยกย้าย
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด) เปิดเผยวันนี้ว่า หลังจากทราบข่าวว่ามีการโยกย้ายนายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืชจนมีเสียงเรียกร้องจากหลายองค์กรด้านผลไม้ขอให้มีการทบทวนการโยกย้ายดังกล่าวจึงให้ฝ่ายเลขาฯ เชิญอธิบดีกรมวิชาการมาชี้แจงต่อที่ประชุมฟรุ้ทบอร์ดในวันพฤหัสบดีที่ 27ตุลาคมนี้ ถึงเหตุผลในการโยกย้ายนายชลธี ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดกรมวิชาการที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกอันเป็นแหล่งผลิตผลไม้แหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ
“ฟรุ้ทบอร์ดเป็นคณะกรรมการระดับชาติมีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารจัดการผลไม้เศรษฐกิจของประเทศจึงให้ความสำคัญกับบุคคลากรที่เป็นคีย์แมนคนสำคัญๆ ของทุกกระทรวงทบวงกรมและผู้อำนวยการ สวพ.6 ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น จึงขอทราบเหตุผลและความจำเป็นของการโยกย้ายดังกล่าวเพื่อรายงานต่อ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานฟรุ้ทบอร์ดเพื่อพิจารณาต่อไป ขอให้มั่นใจว่า จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างเที่ยงธรรม”
นายอลงกรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประธานฟรุ้ทบอร์ดได้มอบนโยบายการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลไม้ทั้ง GAP และ GMP เป็นนโยบายหลักรวมทั้งนโยบายปราบปรามขบวนการสวมสิทธิ์ทุเรียนและทุเรียนอ่อนอย่างเด็ดขาดตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมาในทุกภาคทั่วประเทศ พร้อมกับการใช้นโยบายตลาดนำการผลิตและการบริหารโลจิสติกส์รวมกับกระทรวงพาณิชย์และผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดอื่นๆ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวสวนและประเทศจากการส่งออกทุเรียนและผลไม้ของไทยได้กว่า 2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะทุเรียนผลสดส่งออกทะลุ 100,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลงานของทุกภาคีภาคส่วนทั้งภาครัฐภาคเอกชนและเกษตรกรชาวสวนที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักฝ่าฟันวิกฤติโควิด 19 และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนตลอดเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา
“แม้การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการจะเป็นอำนาจของผู้บริหารกรม ซึ่งฟรุ้ทบอร์ดไม่มีอำนาจไปก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารงานบุคคล แต่ฟรุ้ทบอร์ดก็มีสิทธิ์ที่จะรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงบุคคลากรที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญภายใต้การบริหารจัดการผลไม้ของฟรุ้ทบอร์ด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการทำงานภายใต้นโยบายสำคัญๆ ของฟรุ้ทบอร์ด จะไม่เกิดปัญหาโดยเฉพาะการปราบปรามขบวนการสวมสิทธิ์ทุเรียนและทุเรียนอ่อนจะต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดต้องไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดไปแสวงประโยชน์หรือหากมีใครแอบอ้างผู้มีอิทธิพลหรือนักการเมืองก็ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดจะต้องไม่มีการลูบหน้าปะจมูกเป็นอันขาด เป็นนโยบายที่ประธานฟรุ้ทบอร์ดและตนย้ำมาโดยตลอดเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ นอกจากนี้ฟรุ้ทบอร์ดยังมอบหมายรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ.และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ รวมทั้งตนลงพื้นที่สนับสนุนการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธาน คพจ. เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาคเอกชน ภาคเกษตรกร และ สวพ. ทุกภูมิภาครวมทั้งภาคตะวันออกเป็นการทำงานแบบบูรณาการเชิงรุกตลอด 3ปีที่ผ่านมา”นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด.