ข่าวประชาสัมพันธ์

อดีตประธานที่ปรึกษา บจก. จัดหางาน เงินและทองพัฒนา แถลงข่าวเรียกร้องรัฐบาล พร้อมให้การช่วยเหลือ กรณีการอพยพแรงงานไทยจากประเทศอิสราเอล​

อดีตประธานที่ปรึกษา บจก. จัดหางาน เงินและทองพัฒนา แถลงข่าวเรียกร้องรัฐบาล พร้อมให้การช่วยเหลือ กรณีการอพยพแรงงานไทยจากประเทศอิสราเอล​

วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 น.ณ โรงแรมริเวอร์ไซด์ เชิงสะพานซังฮี้ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

นายจักรกฤษณ์ สุวรรณสาร อดีตประธานที่ปรึกษา บริษัท จัดหางาน เงินและทองพัฒนา จำกัด แถลงข่าวพร้อมให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการการอพยพแรงงานไทยจากประเทศอิสราเอล​ของรัฐบาล ว่า การอพยพแรงงานในขณะนี้ได้แต่พูดคุยและแถลงข่าว ไม่มีมาตรการที่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งที่รัฐบาล​ควรทำคือต้องมีฐานข้อมูลว่าคนไทยที่อยู่ในอิสราเอล​อยู่ในพื้นที่ใด และมีจำนวนเท่าไหร่ และต้องรวบรวมแผนงานอพยพให้ชัดเจนว่าแรงงาน 3 หมื่นคนจะต้องอพยพไปที่ไหน และขนย้ายกลับทางไหน ซึ่งตนมองว่าจุดเดียวที่สามารถอพยพได้คือการข้ามพรมแดนไปประเทศจอร์แดน​ และส่งเครื่องบินจากประเทศไทยไปยังสนามบินกรุงอัมมาน เพื่อรับคนไทย สำหรับการส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศไปรับคนไทยนั้น มองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเครื่องบินทหารจะต้องจอดแวะเติมน้ำมันหลายจุดจะทำให้เสียเวลา สิ่งสำคัญอันดับแรกคือรัฐบาลจะต้องมีแผนอพยพให้ชัดเจน และจะต้องอพยพให้กลับไทยให้หมดก่อน เมื่อเหตุการณ์​สงบแล้วค่อยกลับไปทำงานใหม่

นายจักรกฤษณ์​ กล่าวต่อว่า เมื่อประกาศอพยพจะต้องทำภายใน 24 ชม. แต่ปัจจุบันมีแค่การประกาศอพยพ และรอรายงานจากสถาน​ฑูต​ไทย แต่สถาน​ทูต​ไทยก็ไม่ได้มีแอคชั่นอะไร โดยการอพยพจะต้องให้เจ้าหน้าที่​จากกระทรวง​แรงงาน และกระทรวงการต่างประเทศเข้าไปในอิสราเอล​ เพื่อไปช่วยวางแผนงานกับสถาน​ทูต​ในการอพยพ เพราะว่า​งานนี้​รัฐบาล​ต้องรับผิดชอบ​ คนงาน 3 หมื่นกว่าคนที่ทำงานในอิสราเอล​ก็ถูกส่งไปโดยรัฐบาล ​ไม่ได้ส่งโดยเอกชน ฉะนั้นรัฐบาลต้องนำแรงงานไทยกลับมาให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าเหตุการณ์​สงบ​แล้ว นายจ้างอิสราเอล​ก็ต้องการแรงงานไทยกลับเข้ามาทำงาน ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะตกงาน

“ซึ่งครั้งเมื่อผมดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษา บริษัทจัดหางาน เงินและทองพัฒนา จำกัด ที่ต้องจัดส่งลูกจ้างไปทำงานที่ลิเบีย ได้ช่วยอพยพแรงงานไทยที่อยู่ในประเทศ​ลิเบีย ในช่วงที่เกิดสงครามเมื่อปี 2554 กว่าหมื่นคนไม่มีใครเสียชีวิต ซึ่งวันแรกก็อพยพได้พันกว่าคนและใช้เวลาอพยพแค่ 7 วันเท่านั้น ถือว่าเร็วพอสมควรเมื่อเทียบกับการอพยพในสถานการณ์​ที่ประเทศอิสราเอล​”

ผู้เชี่ยวชาญด้านจัดหางานต่างประเทศ ​ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อรัฐบาล​ส่งแรงงานไทยไปทำงานโดยไม่มีแผนการอพยพในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ​ หรือสงคราม ก็จะไม่เกิดประโยชน์​ เราต้องมองปัญหา​เพื่อพร้อมที่จะแก้ไขทันทีที่เกิดเหตุ เพราะฉะนั้นแผนงานของรัฐบาลที่บอกว่าเตรียมเครื่อง​บินนั้นเตรียมไปทำไมในเมื่อไม่มีแผนอพยพที่ชัดเจน และการเตรียมเครื่องบินจะต้องรู้ว่าสามารถ​บรรจุได้กี่คน ระยะการบินบินได้กี่ชั่วโมง เครื่องบินแอร์บัส 320 บินได้แค่ 5-6 ชั่วโมง ซึ่งการที่จะเดินทางไปอิสราเอลจะต้องใช้เวลากว่า 8-9 ชั่วโมง​และต้องเป็นเครื่องบินลำใหญ่ ตนมองว่ารัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ​เตรียมการยังไม่เป็นงานเท่าไหร่

“ตอนนี้ชีวิตคนงาน ขวัญ​ และกำลังใจ​ใจของคนที่รอบินกลับ สมรรถภาพ​ทางจิตใจ​ความว้าวุ่น​เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ตอนนี้มีทางเดียวที่จะต้องทำให้เร็วที่สุดคือจะต้องรีบอพยพคนไทยไปยังพรม​แดน​ประเทศจอร์แดน​และส่งเครื่องบินไปรับที่สนามบินอัมมาน​ วันหนึ่งอพยพ 3 พันคนพอแล้ว มิฉะนั้นจะทำไม่ทัน ถ้าทำตามแผนนี้เรื่อยๆ 10 วันก็ครบ 3 หมื่นคน ดังนั้นแนะนำให้อพยพออกมาก่อน อย่าไปรอว่าเหตุการณ์​จะสงบเมื่อไหร่ เพราะกลุ่มฮามาสกล้าบุกถึงขนาดนี้หมายความว่าเขาจะต้องมีของดีอัดอิสราเอล​แน่นอน” นายจักรกฤษณ์​ กล่าวทิ้งท้าย.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.