ข่าวประชาสัมพันธ์

สตง. ตรวจพบการใช้จ่ายงบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของ อปท. ไม่คุ้มค่า หวั่นสร้างภาระด้านงบประมาณ

สตง. ตรวจพบการใช้จ่ายงบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของ อปท. ไม่คุ้มค่า หวั่นสร้างภาระด้านงบประมาณและส่งผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของรัฐ

นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แถลงว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งผลการตรวจสอบพร้อมให้ข้อเสนอแนะภายหลังเข้าตรวจสอบโครงการจ้างปรับปรุงถนนผิวจราจร แอสฟัลท์คอนกรีต โครงสร้างชั้นพื้นทางดินซีเมนต์ผสมน้ำยาเชื่อมประสาน ตามบัญชีนวัตกรรมไทย รหัส 01010052 (งบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) วงเงินตามสัญญา 9.988 ล้านบาท ขององค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี และพบข้อบกพร่องซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการหรือประชาชน โดยสรุปผลการตรวจสอบได้ดังนี้

1. การจัดทำเอกสารคำขอรับการจัดสรรงบประมาณ ไม่มีการระบุวัตถุประสงค์ หลักการและเหตุผลที่ชัดเจน ถูกต้อง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ รวมถึงความต้องการหรือความจำเป็นในการกำหนดให้ต้องก่อสร้างหรือปรับปรุงถนนโดยใช้โครงสร้างชั้นพื้นทางดินซีเมนต์ที่ต้องผสมน้ำยาเชื่อมประสาน (โพลิเมอร์)

2. การจัดทำแบบรูปรายการและข้อกำหนดก่อสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐานของทางราชการตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมทางหลวงชนบท เรื่อง มาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 20 กันยายน 2562 และชั้นพื้นทางดินซีเมนต์ผสมน้ำยาเชื่อมประสาน (โพลิเมอร์) ยังไม่มีมาตรฐานของทางราชการตามกฎหมายกำหนดไว้รองรับ

3. การดำเนินการจ้างก่อสร้างหรือปรับปรุงถนนฯ ด้วยวิธีการคัดเลือกอาจไม่สอดคล้องหรือ ไม่ถูกต้องตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. 2563 เนื่องจากมีเพียงน้ำยาเชื่อมประสาน (โพลิเมอร์) เท่านั้น ที่เป็น “สินค้า” หรือพัสดุตามบัญชีนวัตกรรมไทย และถูกใช้เป็นส่วนผสมสำหรับเฉพาะในโครงสร้างชั้นพื้นทางดินซีเมนต์เพียงชั้นเดียว และกรณีโครงการตามสัญญาจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าว ราคาวัสดุน้ำยาเชื่อมประสาน (โพลิเมอร์) คิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณร้อยละ 23 ของราคาวงเงินสัญญาทั้งหมด และยังอาจเข้าข่ายเป็นการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมหรือไม่ปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกราย โดยเท่าเทียมกัน

4. กรณีที่มีการอ้างถึงคุณสมบัติของน้ำยาเชื่อมประสาน (โพลิเมอร์) ในการเพิ่มกำลังรับแรงอัดและช่วยลดการแตกร้าวนั้น จากการตรวจสอบพบว่างานพื้นทางดินซีเมนต์ตามมาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น (มทถ.) ที่มีอยู่และใช้บังคับกับ อปท. ตามประกาศกรมทางหลวงชนบท เรื่อง มาตรฐานงานทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 20 กันยายน 2562 ได้ถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงหรือมีกำลังรับแรงอัดตามที่แบบกำหนดจากการเลือกปริมาณปูนซีเมนต์ภายใต้การออกแบบตามมาตรฐานดังกล่าว รวมถึงได้คำนึงถึงการลดรอยแตกไว้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีน้ำยาเชื่อมประสาน (โพลิเมอร์) แต่อย่างใด

5. ราคาค่าจ้างก่อสร้างหรือปรับปรุงถนนถนนตามโครงการดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มสูงขึ้นกว่าประมาณร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับถนนผิวจราจรแอสฟัลท์คอนกรีตชั้นพื้นทางหินคลุก

6. การควบคุมงาน การตรวจรับพัสดุ การบริหารสัญญา มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดหรือบกพร่อง อันเนื่องมาจากแบบรูปรายการ ข้อกำหนดก่อสร้างและมาตรฐานการก่อสร้างที่ใช้ในการดำเนินโครงการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของทางราชการ

จากข้อตรวจพบข้างต้น สตง. ได้มีหนังสือแจ้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าวเพื่อดำเนินการกำกับดูแลและปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการต่อไป

โฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2568 พบว่า มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดอุดรธานีได้รับการจัดสรรงบประมาณ งบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ รวมจำนวน 28 โครงการ รวมเป็นเงินประมาณ 275.43 ล้านบาท โดยมีการดำเนินโครงการและการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างในลักษณะเดียวกัน ซึ่งยังไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นทั่วประเทศที่มีแนวโน้มได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกรณีข้อบกพร่องจากผลการตรวจสอบข้างต้นก่อให้เกิดภาระการใช้จ่ายงบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังอาจเข้าข่ายดำเนินการที่เกินกว่าความจำเป็นสำหรับความต้องการใช้จริงซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงิน

“จากข้อตรวจพบข้างต้น สตง. จึงได้มีหนังสือแจ้งปลัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาดำเนินการแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการปรับปรุงแก้ไขการดำเนินการที่เกี่ยวข้องตามข้อบกพร่องจากการตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในลักษณะดังกล่าว โดยต้องคำนึงถึงเหตุผล ความจำเป็น ความต้องการใช้งานจริงที่ชัดเจน ถูกต้อง และเหมาะสม โดยมุ่งให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณและการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ นอกจากนี้ ยังได้มีหนังสือแจ้งปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อพิจารณาดำเนินการซักซ้อมความเข้าใจหรือกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ครบถ้วนชัดเจน และครอบคลุมการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐเพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุส่งเสริมนวัตกรรมฯ ในลักษณะดังกล่าว รวมถึงพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงฯ หรือทบทวนนโยบายที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยกับผู้ขายหรือผู้ให้บริการโดยตรง ซึ่งบางกรณีอาจเข้าข่ายการผูกขาดตลาดจากกลุ่มผู้มีผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่อาจเข้าข่ายเป็นการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม หรือไม่ปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายโดยเท่าเทียมกัน” โฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวในตอนท้าย.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.